วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙ ตอนที่ ๒ ในต่างแดน


ตามทีทราบโดยทั่วกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีเถาะ นพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ซึ่งเหตุที่พระราชสมภพในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ที่นั่น
เมื่อเจริญพระชนมายุได้สี่พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม ๒๔๗๖ จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ "โรงเรียนแห่งใหม่ของซืออีสโรมองด์"

ครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๖ ผมและครอบครัวได้มีโอกาสไปเยื่ยนที่ประเทศสวิสเซอร์แลน์ การท่องเที่ยวครั้งนั้นวันที่ ๔ ของการเดินทางมีโอกาสอันดีได้เดินทางไปยังเมืองโลซาน ที่นี่เองมีศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติจัดสร้างขึ้น ณ สวนสาธารณะเดอน๊องดู เมืองโลซาน สมาพันธรัฐสวิส สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญในปี ๒๕๔๙ สองวาระ คือ วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิสครบ ๗๕ ปี กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์นเลือกเมืองโลซานเป็นสถานที่ตั้งศาลาไทยเนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-สวิส ซึ่งจากที่กล่าวไปข้างต้นด้วยเป็นสถานที่ที่พระมหากษัตริย์ไทยสองพระองค์ รัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ประทับพร้อมด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในช่วงปี ๒๔๗๖ - ๒๔๙๔ เป็นเวลาถึง ๑๘ ปี ก่อนเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร

ทางการสวิสได้อนุญาตให้รัฐบาลไทยก่อสร้างศาลาไทยในพื้นที่สวนสาธารณะเดอน็องตู (Denantou) ตำบลอุชชี่ (Ouchy) เมืองโลซาน โดยเป็นโครงการร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น และเทศบาลเมือง โลซาน

กระทรวงการต่างประเทศไทย สนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างศาลาไทยดังกล่าว และได้รับความอนุเคราะห์จากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินการก่อสร้างศาลาไทยดังกล่าว
สถาปนิกผู้อออกแบบศาลาไทยหลังนี้ คือ นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากรและศิลปินแห่งชาติ โดยมีนายก่อเกียรติ ทองผุด เป็นนายช่างศิลปกรรม นายเศกสรรค์ ปัญญารัมย์ เป็นนายช่างเขียนแบบ และนายสุทิน เจริญสวัสดิ์ เป็นวิศวกร หจก. ป.ว.ช. ลิขิตการสร้าง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างชิ้นส่วนต่างๆ ของศาลาในประเทศไทยจนเสร็จสิ้นและขนส่งต่อไปยังสมาพันธรัฐสวิสโดยทางเรือ การประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ของศาลาไทย ณ เมืองโลซาน ดำเนินการระหว่างวันที่ ๓๐ สิงหาคม – ๑๘ กันยายน ๒๕๕๐ โดยคณะช่างชาวไทยจำนวน ๑๓ คน

ลักษณะของศาลาไทย ณ เมืองโลซาน เป็นศาลาไม้แบบจตุรมุข มียอดมณฑป ขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๖ เมตร สูง ๑๖ เมตร น้ำหนัก (เฉพาะตัวศาลา) ประมาณ ๒๗,๐๐๐ กิโลกรัม ก่อสร้างด้วยไม้เนื้อแข็งและไม้สัก ตามลักษณะการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมไทยแบบโบราณ มีความเป็นเลิศด้านสถาปัตยกรรมและงานช่างไทย ประกอบด้วย งานเข้าไม้ งานจำหลักลาย งานปิดทองประดับกระจก งานเขียนลายรดน้ำ เป็นต้น งานก่อสร้างศาลาไทยทั้งหลังและการทำพื้น ฐานและบันไดด้วยหินแกรนิตเป็นความรับผิดชอบของผู้ดำเนินการก่อสร้างฝ่ายไทย โดยนำหินทั้งหมดมาจากประเทศไทยด้วย

สมาพันธรัฐสวิสเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างฐานซีเมนต์ งานปรับพื้นที่และ ภูมิทัศน์ การติดตั้งกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย เครื่องตรวจจับควันไฟ ตลอดจนระบบแสงและไฟฟ้า และการดูแลศาลาไทยภายหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว

ด้วยความปิติยินดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ที่เคยเป็นที่ประทับในต่างแดนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในครั้งนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น